วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การมาสก์หน้า

      การมาสก์หน้า เป็นขั้นตอนหนึ่งของการทำทรีตเมนต์บำรุงผิว ให้ผิวได้พักผ่อน และดูดซึมคุณค่าจากสารบำรุงที่เราพอกลงบนผิว ควรทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะสารบำรุงจากธรรมชาติ มีของอร่อยหลาย ๆ อย่างที่จะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้แก่ผิวหน้าเรา


     สูตรน้ำผึ้ง

ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วใช้ปลายนิ้วแตะน้ำผึ้งลูบไล้บนใบหน้าและลำคอเบา ๆ สักครู่ แล้วนวดหน้าด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาประมาณ 5 นาที จนน้ำผึ้งเหนียวนวดต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนั้นให้นอนพักศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมาหล่อเลี้ยงที่ใบหน้าและลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น เมื่อครบเวลาแล้วค่อย ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำผึ้งออกให้สะอาด



     สูตรแอปเปิ้ล

ปอกแอปเปิ้ลคว้านเอาไส้และเมล็ดออก บดให้ละเอียด ขณะที่บดให้ผสมน้ำผึ้งลงไปด้วย เมื่อบดจนเข้ากันดีแล้ว นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วใช้นมสดเย็น ๆ ล้าง ตามด้วยน้ำสะอาดอีกที



     สูตรแตงโม
ฝานแตงโมเป็นชิ้นบาง ๆ จากส่วนที่แดงที่สุด นำมาแปะให้ทั่วใบหน้าแล้วใช้ผ้าคลุมหน้าไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น



     สูตรไข่ขาว
ต่อยไข่ไก่ 1 ฟอง แยกไข่แดงออกเทเฉพาะไข่ขาวลงในถ้วย ใช้ส้อมตีไข่ขาวจนเป็นฟองพอสมควร แล้วใช้แปรงขนนุ่มจุ่มไข่ขาวทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที หรือพอไข่ขาวเริ่มจับตัวแข็งแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น



     สูตรมะเขือเทศ
ฝานมะเขือเทศชิ้นหนา ๆ ถูให้ทั่วใบหน้าและลำคอเบา ๆ ตรงบริเวณที่มีสิวเสี้ยน มะเขือเทศมีวิตามินซีและกรด AHA จะช่วยลอกผิวหน้าที่ตายแล้วให้หลุดออกได้ หลังจากนั้นจึงค่อยใช้สำลีชุบน้ำเย็นเช็ดมะเขือเทศออกให้สะอาด



     สูตรโยเกิร์ต
สำหรับทุกสภาพผิว โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/2 ถ้วย น้ำมันดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาวคั้นสดๆ 1 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากันแล้วพอกทั้งหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น



***ข้อควรระวัง!*** หากมีอาการคันหรือระคายเคืองระหว่างการมาสก์ให้หยุดขั้นตอนการทำแล้วรีบล้างหน้า ด้วยน้ำสะอาดทันที

ดอยอ่างขาง

       



       ดอยอ่างขาง
              เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศเหนือ 137 กม. แยกซ้ายเข้าไปอีก 25 กม. ดอยอ่างขางเป็นเทือกดอยสูงติดกับสันเขาพรมแดนประเทศพม่า จุดเด่นที่นักท่องเที่ยวไปเยือนดอยอ่างขางคือการไปเที่ยวชมดอกไม้เมืองหนาวภายโครงการฯ สถานีเกษตรดอยอ่างขางได้รับการจัดตั้งเมื่อปี 2512 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อวิจัยพืชเมืองหนาวเพื่อส่งเสริมให้ชาวเขาปลูกทดแทนฝิ่นและหยุดการทำลายป่า ดอยอ่างขางมีลักษณะเป็นแอ่งที่ราบในหุบเขาลักษณะเหมือนท้องกะทะหรือเหมือนอ่าง อยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,400 เมตร ภายในโครงการมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาก เช่น แปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับกลางแจ้ง แปลงปลูกไม้ในร่ม แปลงทดลองกุหลาบ แปลงปลูกผัก แปลงปลูกผักในร่ม สวนท้อ สวนบ๊วย ป่าซากุระ ป่าเมเปิล


       การเดินทาง
จากเชียงใหม่ ใช้เส้นทางสาย 107 เชียงใหม่-ฝาง เป็นเส้นทางผ่านแม่ริม แม่แตง เชียงดาว ทางแยกเข้าดอยอ่างขางมี 2 เส้นทาง คือ แยกซ้ายที่ กม.79 เป็นเส้นทางใหม่ที่ไม่ชันมากแต่ทางจะเปลี่ยวหน่อย ระยะทางจากแยกทางหลวงสาย 107 ไปจนถึงอ่างขางมีระยะทางประมาณ 50 กม. อีกเส้นทางคือแยกที่ กม.137 มีระยะทางถึงอ่างขางประมาณ 25 กม. เป็นเส้นทางที่สั้นแต่ชันมาก รถเก๋งและรถทุกชนิดขึ้นได้ถ้าคนขับมีฝีมือ ถ้าไม่แน่ใจให้จอดรถไว้ที่วัดที่ปากทาง กม.137 หรือจอดรถไว้ที่บริเวณลานจอดรถเอกชนมีรั้วมิดชิด สถานที่รับจอดรถอยู่ตรงข้ามกับปากทางเข้าดอยอ่างขาง ค่ารถจอดคันละ 50 บาท แล้วนั่งรถสองแถวขึ้นไป หรือเหมารถขึ้นไป
บัตรผ่านประตู ท่านละ 30 บาท รถยนต์คันละ 50 บาท จ่ายครั้งเดียวที่ปากทางเข้า เข้าชมจุดต่างๆ ภายในโครงการได้ทุกจุด

      ที่พักดอยอ่างขาง
อ่างขางมีที่พักในบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติไว้บริการนักท่องเที่ยวให้เลือกพักได้ตามรสนิยมและเงินในกระเป๋าที่มีอยู่ มีทั้งที่พักหรูๆ ในบรรยากาศสุดยอดจนถึงที่พักแบบประหยัดบรรยากาศตามอัตภาพ ตลอดจนการนอนเต็นท์ก็มีเต็นท์ไว้ใช้เช่านอน


       ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว

 ดอยอ่างขางอยู่บนที่สูง อากาศเย็นสบายตลอดปี เหมาะกับการขึ้นไปพักผ่อนได้ตลอดทั้งปี ความงดงามแตกต่างกันไปบ้างตามช่วงเวลา นักท่องเที่ยวจะขึ้นไปชมกันมากในช่วงฤดูหนาว
ช่วงฤดูหนาว  ธันวาคม-กุมภาพันธ์ ที่นี่จะมีความหนาวเย็นและดอกไม้เมืองหนาวออกดอกงดงามมาก ในบางช่วงเวลาอาจจะมีน้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบจับยอดหญ้าในยามเช้า ดอกซากุระเมืองไทยหรือต้นพญาเสือโคร่งจะออกดอกสะพรั่งทั่วทั้งขุนเขาในช่วงปลายเดือนมกราคม-ต้นกุมภาพันธ์ ( แล้วแต่อากาศของแต่ละปี ) ในช่วงที่ดอกซากุระบานนี้ก็จะมีนกมาดูดกินน้ำหวาน การเที่ยวดอยอ่างขางในช่วงฤดูหนาวควรจะเตรียมชุดกันหนาวไปให้พร้อมเพราะที่นี่หนาวมาก
ช่วงฤดูร้อน มีนาคม-พฤษภาคม เหมาะที่จะหลบลมร้อนมานอนในบรรยากาศที่สบายกว่า ช่วงนี้ต้นเพาโลว์เนียจะออกดอกสีม่วงอมขาวบานสะพรั่งเต็มต้น สวยงามมาก
ช่วงฤดูฝน มิถุนายน-กันยายน ทางลื่นสักหน่อยแต่ป่าหน้าฝนก็คุ้มค่าที่จะมาเยือนเพราะสภาพป่าเขาและเทือกเขาจะมีสีเขียวสดชื่น ถึงแม้อาจจะเสี่ยงต่อการเจอฝนแต่ว่าถ้าหากฝนไม่ตกก็จะเป็นช่วงเวลาที่วิเศษที่สุดเนื่องจากสภาพอากาศจะใสปิ๊ง มองชมวิวได้ไกลๆ ไร้หมอกแดดขุ่นมัว



ช่วงปลายฝนต้นหนาว ตุลาคม-พฤศจิกายน เป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย ป่ายังไม่แห้งนัก ช่วงนี้ต้นเมเปิลและไม้ป่าอื่นๆ เริ่มเปลี่ยนสี กลายเป็นป่าเปลี่ยนสีที่มีสีสันแปลกตา งดงามไปทั่วทั้งหุบเขา

เกาะห้อง


เกาะห้อง หรือ เกาะเหลาบิเล๊ะ


• หมู่เกาะเหลาบิเละ (หมู่เกาะห้อง) ประกอบด้วย เกาะเล็ก เกาะน้อย จำนวน 12 เกาะ มีเกาะห้องเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีจุดเด่นอยู่ที่อ่าวบิเละ อ่าวห้อง

• อ่าวบิเละ เป็นหาดทรายขาวละเอียด แนวหาดโค้งแบ่งเป็นสองช่วง คล้ายปีกนกคั่นด้วยก้อนหินใหญ่ น้ำทะเลใสจนมองเห็นปะการังน้ำตื้น เหมาะสำหรับเล่นน้ำชมปะการัง

• อ่าวห้อง อีกด่านหนึ่งของเกาะห้อง มีลักษณะเป็นสระธรรมชาติ ล้อมด้วยเขาหินสูงชันเกือบรอบด้าน ช่วงน้ำขึ้นสามารถนำเรือเข้าไปชมความงามของธรรมชาติด้านในได้ น้ำใสสะอาดสามารถลงเล่นน้ำได้

• เกาะเหลากา เกาะเหลาบุโล๊ะ (เกาะผักเบี้ย) เกาะกามิด เกาะฮันตู เกาะไร่ ฯลฯ ก็มีความงดงามตามธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ

• ที่ตั้ง : ทิศตะวันตกของกระบี่

• การเดินทาง :

1.ติดต่อเช่าเรือเร็วได้ที่อ่าวนาง แต่วิธีที่สะดวกกว่าคือใช้บริการแพ็กเก็จทัวร์ประเภทครึ่งวันหรือเต็มวัน ซึ่งจะพาชมธรรมชาติ พายเรือคายัค พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มตลอดการเดินทาง

2.ไปตามทางหลวงหมายเลข 4039 ประมาณ 1.5 กม.เลี้ยวขวาต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 4 ประมาณ 24 กม. เลี้ยวขวาไปตามถนนบ้านทุ่งอีกประมาณ 10 กม. ถึงท่าเทียบเรือท่าเลน นั่งเรือต่อไปประมาณ 45 นาที ถึงเกาะ

• จุดเด่น : เกาะห้องนับเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนิยมไปเที่ยวกันมาก บนเกาะเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี มีเวิ้งหาดทรายขาวละเอียด 2 หาด ด้านหน้าเป็นที่จอดเรือ ไม่นิยมลงเล่นน้ำ ส่วนอีกด้านเหมาะแก่การดำน้ำชมปะการังและฝูงปลาที่ความลึกประมาณ 10-30 ฟุต ด้านเหนือของเกาะมีโค้งอ่าว ด้านในเป็นหาดทรายและป่าชายเลนโอบล้อมด้วยเขาหินปูน ลักษณะคล้ายเป็นห้อง จึงเป็นที่มาของชื่อเกาะห้อง สามารถพายเรือคายัคเข้าไปบริเวณภายในได้ ช่วงน้ำลดสามารถเดินเล่นได้สบาย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่าเกาะห้องยังมีเส้นทางเดินป่าขึ้นไปสู่จุดชมวิวที่สวยงามด้วย

• นอกเหนือจากเกาะห้องแล้ว ยังมีเกาะผักเบี้ยและเกาะเหลาลาดิงที่อยู่ใกล้ๆกัน สองเกาะนี้มีหาดทรายสวยงาม เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ และยังมีเกาะอื่นๆที่สวยงามน่าสนใจอีกหลายเกาะ

• สิ่งอำนวยความสะดวก : บนเกาะห้องมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ห้องสุขา และลานกางเต็นท์